วันเสาร์ที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2553

เรื่องดีๆกับสุนทรียสนทนา

เป็นครั้งแรกของ blog นี้ ที่ดิฉันเข้ามา.. หลายวันมานี้ดิฉัน ได้ยินผองเพื่อนพูดในเรื่องเดียวกัน และสรุปอยู่


ที่.."ทุกวันนี้คนเราฟังกันน้อยเกินไป" มันเป็นการดีเสมอ..ถ้าเราหันมาฟังกันบ้าง...


ดั้งเดิม ดิฉันเรียนรู้การฟังแบบลึกซึ้ง( deep lisening ) มาก่อนจากการศึกษาด้านจิตวิทยาการให้คำ


ปรึกษา(Couseling Phychology)ซึ่งมีพื้นฐานมาจากการมองมนุษย์อย่างเข้าใจในความเป็นบุคคลและ


ไม่ตัดสินทุกสิ่งที่ได้ฟัง..การอยู่ในวงสนทนาที่มีการฟังอย่างนี้..จะเป็นประสบการณ์ที่ดีมากในชีวิต หากคุณ


ได้สัมผัส และการที่จะเข้าใกล้เรื่องแบบนี้นั้นไม่ยากเลย..ถ้าคุณใช้กระบวนการที่ชื่อ "สุนทรียสนทนา"


การเข้าสู่กระบวนการแบบสุนทรียสนทนา คือ การสร้างพื้นที่ทางสังคมใหม่ที่เอื้อต่อในการคิดร่วมกันอย่าง


เสมอภาค ในสภาวะปกติ คนจะคิดคนเดียว และเอาความคิดของตนเองออกไปปะทะประสานกับคนอื่นในรูป


ของการถกเถียง โต้แย้ง ทำให้เกิดการแบ่งแยกเป็นฝ่ายแพ้ ฝ่ายชนะ และฝ่ายถูกฝ่ายผิด อันเป็นการบ่มเพาะ


เชื้อของความอึดอัด คับข้องใจ และนำไปสู่ความขัดแย้งที่รุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ แต่การสนทนาที่นำไปสู่การ


คิดร่วมกันแบบสุนทรียสนทนานั้น ไม่ใช่เป็นการนำเอาความคิดของแต่ละคนมาเสนอแนะ หรือมาโต้เถียง


ขัดแย้งกันเพื่อหาผู้ชนะ แต่เป็นการมาเพื่อจะฟังซึ่งกันและกันโดยไม่มีการตัดสินด้วยข้อสรุปใดๆ ความคิดที่


ดี เกิดจากการฟังที่มีคุณภาพ การตั้งใจฟังกัน คือการเทใจมารวมกัน มีสมาธิอยู่กับตัวเองและสิ่งที่ได้ยิน


-------------------------


หลักการที่เราฟัง...ฟังอย่างไร?


หลักการฟัง
1. Respecting เคารพในตัวตนของผู้พูด
2. Deep listening ฟังถึงอารมณ์/ความรู้สึก
3. Voicing ฟังแบบอุเบกขา ปราศจากอคติ

4. Suspending ติดตามต่อเนื่อง/แขวนไว้ก่อน


ฟังอย่างไร จึงจะลึกซึ้ง..จุดที่น่าสนใจ ตามหลักการที่ว่าไว้..

- ฟังอย่างเมตตา ทุกคนต้องการความสุข

- ฟังอย่างไม่ตัดสิน ฟังเหตุผลเขาก่อน
- ฟังอย่างเอาใจเขามาใส่ใจเรา คิดว่าถ้าเราเป็นเขา


สิ่งที่เราฟัง : ฟังผู้อื่น

ความคิด/ความรู้สึก/เหตุผล ให้เวลาผู้อื่นได้พูดสิ่งที่อยู่ในใจ ให้เวลาตัวเองได้ฟังคนอื่นอย่างเข้าใจ

สิ่งที่เราฟัง : ฟังตัวเอง


ความคิด/ความรู้สึก/เหตุผลฟังความเงียบ


สิ่งที่เราฟัง : ฟังความเงียบ


สะท้อนความคิดด้วยสมาธิ สติ


เมื่อฟังแล้ว เรา หาความหมายด้วยกัน มีส่วนร่วมในความคิด เกิดการยึดเหนี่ยว การเข้าใจ


เปลี่ยนการ มองผิด เป็น มองต่าง


ความเชื่อที่ไม่เหมือนไม่ใช่ความผิด แต่เป็นเพียงความแตกต่าง และ ความแตกต่างไม่ใช่ความแตกแยก