วันอาทิตย์ที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2555

สวัสดีปีใหม่..2013



หากเราเข้าใจ..ทุกสิ่งผ่านมา และผ่านไป..ไม่อาจยึดไว้

ไม่ยากเลยที่จะเก็บความสุขไว้กับใจ

และไม่ยากจนเกินไปที่จะ..เปลี่ยนความทุกข์ใจให้เป็นความเข้าใจ

                                               
                                              สวัสดีปีใหม่ HAPPY NEW YEAR ..2013






                                                             31/12/55    G O O D L U C K # AONARIN


วันเสาร์ที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2555

เก้าอี้..ที่พักพิง..






                                                         เครดิต...dailypicksandflicks.com
                                                น้องเหมียวชื่อโน โนะ จัง อยู่ที่โยโกฮาม่า...




ชอบที่นั่งในสวนที่สุดเลยค่ะ!! ให้ความรู้สึกสบายใจและผ่อนคลายมากๆ เป็นจริงอย่างหนึ่งค่ะที่เวลาที่เราเหนื่อยๆ หากได้พักสักนิด จะดีขึ้นและเป็นความจริงที่สุดค่ะ ที่เวลาเราอ่อนล้า แค่มีคนแบ่งที่นั่งให้เพียงนิดเดียว..สักพักเราก็จะดีขึ้น..


                                                                       Aonarin  9/12/12




วันพฤหัสบดีที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2555

ดนตรี บำบัด



                                                       DJ Okawari - Flower Dance [HD]


หากชีวิตจะทุกข์..เกินไป...กลับไปมองดอกไม้..สักดอก..มันสวยงาม..และเป็นเช่นนั้นเสมอ.....



                                                                                                             Aonarin...
                                                                                                     6/12/55      //  7.20pm

วันพุธที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2555

Orange Power



Orange is a power color. It is one of the healing colors. It is said to increase the craving for food. It also stimulates enthusiasm and creativity. Orange means vitality with endurance. People who like orange are usually thoughtful and sincere.    
 
 
 
 
 
 
 
    thanks..korea cartoon wallpaper!



จง...จำไว้ว่า...เมื่อใดที่ห่อเหี่ยว..ซึมเศร้า...ความคิดสร้างสรรค์..ไม่สามารถสร้างได้..แสงสีส้ม..จะช่วยคุณได้...^^ 

วันศุกร์ที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2555

How to have kick-ass Ideas...ภาค 1

...ถ้าคุณเริ่มต้นความคิดสร้างสรรค์ ของคุณ คุณจะเปิดตัวเองเข้าสู่โอกาสอันเร้าใจ
...ถ้าคุณตระหนักถึงโอกาสที่เร้าใจของคุณ คุณจะปลดปล่อยอิสรภาพในตัวคุณ เพื่อเลือกที่จะใช้ชีวิตอย่างน่าทึ่ง!!!!!
...........................................................................................
ชอบชุดความคิดข้างบน นี้จัง....มันดีมากถ้าเรา...ทำได้..^^
..........................................................................................

เรามีอิสระที่จะทำในสิ่งที่ต้องการ และเราเองเป็นผู้สร้างแบบแผนในการดำเนินชีวิต ทุกๆวันเราเป็นคนเลือกทำในสิ่งต่างๆ และทางเลือกเหล่านั้นเป็นตัวระบบุว่า เราเป็นใคร เราทำอะไร ทางเลือกนี้เองเป็นสิ่งที่เป็นวิถีชีวิตของเรา

การตัดสินใจเลือกและฉกฉวยโอกาสดีๆที่เข้ามาในชีวิต คือการนำความเปลี่ยนแปลงมาสู่ชีวิต และชีวิตก็สามารถนำเสนอเหตุผล ร้อบแปดเพื่อให้เราเปลี่ยนแปลง

โอกาสที่ดีสามารถเข้ามาหาเราได้ 2 ทางด้วยกัน

1. เราสร้างเอง..แล้ว ทำมันให้เป็นความจริง
2. โอกาสดีๆที่เข้ามาหาเราจากภายนอก มีบ่อยๆ หลากหลายรูปแบบ คุณต้องชัดเจนก่อนว่าตอนนี้ชีวิตเราอยู่ตรงไหน อะไรที่คุณต้องการ เพื่อว่าเมื่อโอกาสดีๆแบบนีมาถึง คุณจะคว้ามันไว้และใช้ประโยชน์จากมันได้

อัจฉริยะ..ที่กระซิบอยู่ ...(อู้ว์....มีจริงๆ)

บางอย่างในสมองบอก..เราว่า..สิ่งที่เราทำอยู่นี้มัน "ไม่ใช่"  "ไม่ถูก(ใจ)" "ไม่ชอบ"  มันกระซิบคุณอยู่
ทั้งๆที่สิ่งที่ทำอยู่เป็นหนทางปกติ หนทางที่ใครๆก็บอกว่า "ฉลาด " แต่ลึกๆแล้วเรากลับกลัว กลับรู้สึกไม่ใช่..ไม่ชอบ อยู่อย่างนั้น มันฝืนใจ(ใช่ๆๆใช้คำนี้แหละ..ฝืนใจ)  คุณ หรือคนส่วนใหญ่เลือกการฝีนใจเพื่อดูเป็นคนฉลาด???? ประสบการณ์แบบนี้ธรรมดามาก และเจอบ่อยๆ (ลองคิดย้อนไป..สิ) มันเกิดเพราะจิตใต้สำนึกเรากระซิบๆๆแต่เราไม่เข้าใจเพราะมันสื่อสารกับคุณ ผ่านสิ่งที่เรียกว่า "สัญชาตญาณ" ดังนั้นเราต้องเข้าใจการสื่อสารแบบนี้ก่อน..แล้วเราจะ ฉลาดขึ้นอย่าง แท้จริง ^^

นี่เป็นเพียงพื้นฐาน ที่เราจะเป็นคนที่สามารถสร้างสรรค์ งาน หรือสิ่งอื่นใดในชีวิต แบบที่เป็นตัวคุณจริงๆ
มันจะน่าทึ่งแค่ไหน..ที่จะพูดว่า...แบบฉัน..มีคนเดียว ...

เจอกันใหม่ภาคต่อไปค่ะ..
ปล. ใครอ่านและติดตามขอให้ร่ำรวยเงินทอง..และสติปัญญาล้ำเลิศ นะคะ สาธุๆ

30/6/55

วันอาทิตย์ที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2555

" เพื่อน " ( FRIENDS)




"หากว่าเธอท้อแท้..วันใด..ถูกสิ่งใดทำใจ ร้อนรน..หากต้องการมีใครสักคนที่พร้อมให้ความอุ่นใจ
ขอเป็นคนหนึ่ง..ซึ่งคอยห่วงใย..แต่เธอเรื่อยไป..แม้จะเป็นคนสุดท้ายที่เธอจะมอง..."
                                                                                                          เพลงขอเป็นคนหนึ่ง

When you're down in trouble .. And you need some loving care..  And nothing, nothing is going right
Close your eyes and think of me..And soon I will be there..To brighten up...Even your darkest night
You just call out my name..And you know wherever I am...I’ll come running to see you again
Winter, spring, summer or fall.. All you have to do is call..And I’ll be there
..............................................You've got a friend..........................เพลงYou've got a friend

คาดว่าคุณคงเคยฟังเพลงข้างบน.บางคนร้องได้ด้วย...หากเราจะนิยามคำว่าเพื่อน บางทีมันยาก และหลากหลาย.. แต่ถ้าเราเข้าใจ...อ้อนว่ามันยิ่งใหญ่...ลึกซึ้ง..ถ้าเป็นแบบนั้น
 
ในชีวิตนี้..เราจะมีเพื่อนดีๆ ที่คอยห่วงใยเราสักกี่คน....เราจะมีเพื่อนที่จริงใจและให้กำลังใจเราเสมอสักกี่คน....เราจะมีเพื่อน ที่ร่วมยินดีในความสำเร็จ และเข้าใจเมื่อเราทุกข์โศก...สักกี่คน....
 
เราจะรับรู้ได้มั๊ย...ว่าเรามีเพื่อนแบบนั้นอยู่หรือไม่และคุณเป็นเพื่อนแบบนั้นหรือไม่...???
 
สิ่งเหล่านี้ชวนคิดค่ะ...เพียงชวนขบคิด..จริงๆค่ะ..เป็นว่า..หาคำนิยามมาลงไว้ดีกว่า..มันอาจจะโดนใจและช่วยให้การ..ขบคิดของเรา..มีความคมชัดมากขึ้น..^^
 
 
 
“Good friends are like star. You don’t always see them, but you know they are always there.”
“เพื่อนดีๆ นั้นเหมือนกับดวงดาวบนท้องฟ้า ที่บางครั้งเราอาจจะมองไม่เห็น แต่เราก็รู้ดีว่าพวกเขาอยู่ตรงนั้นเสมอ”    - Anonymity-



“Walking with a friend in the dark is better than walking alone in the light.”
“การได้ร่วมเดินทางกับสหายในความมืดมิด ยังดีเสียกว่า การเดินลำพังในแสงสว่าง”

- Helen Keller -




“Friendship is not something you learn in school.
But if you haven’t learned the meaning of friendship, you really haven’t learned anything.”
“มิตรภาพไม่ใช่สิ่งที่โรงเรียนมีสอน
แต่ถ้าคุณไม่เคยเรียนรู้ความหมายของคำว่า มิตรภาพ นั่นหมายความว่า คุณไม่เคยเรียนรู้อะไรจริงๆ หรอก”- Muhammad Ali -



The best kind of friend is the one you could sit on a porch with, never saying a word,
and walk away feeling like that was the best conversation you’ve had.”
“เพื่อนที่ดีที่สุดนั้นคือ คนที่คุณสามารถนั่งข้างๆ บนชานบ้านโดยปราศจากคำพูด
และเมื่อเขาเดินจากไป คุณก็รู้สึกได้ว่านั่นเป็นบทสนทนาที่ดีที่สุดเท่าที่คุณเคยมีมา”
- Anonymity –


  ขอบคุณ คุณ payufon.exteen.com
  ลาไปก่อนจนกว่า..จะมีอารมณ์เขียนอีก


   บ๊ายบาย....3/6/55







วันเสาร์ที่ 14 เมษายน พ.ศ. 2555

ความกลัว (On fear)


นี่คืองานเขียนเมื่อเดือนมิถุนายน 54..ยังเป็นฉบับร่าง..ดองอยู่ๆๆ..อ้อนไม่โพสต์..เพราะอะไร..อ้อนกลัวอะไร..?????อ้อนลืม...แต่ตอนนี้ไม่กลัวแล้ว..โพสต์เลยนะ..^^


สัปดาห์ที่ผ่านมามีเรื่องนั้นเรื่องนี้เข้ามาเยอะแยะ..แถมยังป่วยอีกต่างหาก..มันทำให้จิตเราฟุ้งซ่าน
มากมายอ่ะค่ะ..และที่บอกว่า"อะไรๆเยอะแยะ.." กลับมาคิดอีกที..เยอะของแต่ละคนก็ไม่เท่ากันอีก..แล้วเราจะอ้างว่าเรา..เยอะ..ได้ยังไง(นั่นสิ!)...เข้าเรื่องเราดีกว่า!

สโลว์ ไลฟ์วันนี้..เราต้องหลีกหนี.." ความกลัว"

ทำไมเราต้องพูดถึงเรื่องความกลัวกัน..เพราะ ความกลัวเป็นสิ่งที่เข้ามาขวางกั้นการเบ่งบานของจิต ความกลัวมาขวางกั้นการเบ่งบานของความดี..คนส่วนใหญ่เรียนรู้ผ่านความกลัว ทำให้เกิดความเชื่อฟัง..
และเมื่อคุณเชื่อฟัง..คุณก็จะหยุดคิด...และเมื่อคุณหยุดคิด..สิ่งใหม่ๆก็จะไม่เกิดขึ้นและไม่เกิดการเรียนรู้

ทำอย่างไร..ให้การเรียนรู้เกิดขึ้น..มันจะเกิดเมื่อคุณไม่รู้เท่านั้น ...จะเกิดเมื่อคุณไม่กลัว เมื่อไม่มีอิทธิพลใดๆมาครอบงำ..ดูเหมือนว่า..สิ่งที่พูดมา..มันแปลกประหลาด..ไม่หรอกค่ะ..คุณควรใช้ใจที่แจ่มใส ไม่อคติ การเรียนรู้ต้องไม่ทำตามรูปแบบ ไม่มีผู้รู้เข้ามามีอิทธิพล และในขณะเดียวกันคุณต้องสั่งสมรวบรวมความรู้ได้ด้วย..แล้วคุณจะเป็นคนที่เรียนรู้ตลอดชีวิต

ข้อความข้างบน..กฤษณมูรติ เขียนไว้..ประมาณนั้น..ค่ะ..อ้อนอาจจะอินและซึมซับสิ่งที่กล่าวมา
แต่คุณจะเข้าใจหรือไม่..ยากจะคาดเดา..ขอเพียงคุณไม่มีความกลัว..ที่จะก้าวไปทำอะไรสักอย่าง ขอเพียงคุณอย่าใช้ความกลัวเป็นเครื่องมือในการทำร้ายคนอื่น..ขอเพียงคุณหยุดคิดและพิจารณาสิ่งต่างๆรอบตัว..อย่างชัดเจนไม่เอนเอียง..คุณจะเริ่มเรียนรู้ว่า..ในโลกนี้ไม่มีอะไรที่จะทำให้คุณทุกข์ใจนอกจากความคิดของคุณเอง..อย่ากลัวค่ะ..^^

จนกว่าจะพบกันอีก...หวังว่า..บทความคงทำให้คุณพบแง่มุมอะไรบางอย่างในชีวิตนะคะ

ลาไปก่อน..ขอบคุณที่สละเวลามีค่าอ่านจนจบค่ะ

25/06/54

อยู่อย่างไร..ให้เย็น...ภาค 1

สวัสดีทุกท่านในวันหยุดสงกรานต์...วันขึ้นปีใหม่ไทย...วันครอบครัว..วันผู้สูงอายุ....และอื่นๆ
แน่นอนว่า..วันสำคัญต่างๆ มีความหมาย...ในความเป็นวันนั้นๆ...และเราต่างให้ความสำคัญมากน้อยก็แล้วแต่...ที่แน่ๆคือเราตื่นเต้นและรู้สึกดีมีความสุขกับวันสำคัญๆ......คงจะดีไม่น้อย..ถ้าเราทำให้วันในแต่ละวันมีความหมายมีความสำคัญ...อย่างน้อยที่สุด..เราก็จะรู้สึกดี...มีพลังในการดำเนินชีวิต..มีพลังในการก้าวต่อไป...มีพลังในการต่อสู้กับทุกๆเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นเหมือนความรู้สึกแบบ " วันสำคัญ "

พูดมาเยอะแยะ...ก็แค่..อยากให้อยู่แบบเย็นๆ...ก็เพราะนี่คือ Slow life ...ใช้ชีวิตแบบเพลินๆ..
เมื่อไหร่ก็ตามที่รู้สึกว่ารอบตัว..ตึงเครียด...จะคิดเรื่องนี้เสมอ...ดึงทุกอย่างให้..ช้าลง..ปรับใจตัวเองให้เย็นลง...และตอนนี้ต้องขอบคุณหนังสือ " อยู่เย็น เอ็นจอยไลฟ์" เขียนโดยนพ.วิธาน ฐานะวุฑฒ์ (มีน้องสาวนวก.สธ. แนะนำให้อ้อนอ่านนะ...ขอบคุณอีกรอบ ^^+)

" มนุษย์ทุกคนถูกออกแบบมาให้เอ็นจอยไลฟ์ได้"  หน้าปก เค้าบอกไว้.....

(เห็นด้วยอย่างยิ่ง...เรทติ้งสเกล..5 ไปเลยค่ะ)

เนื้อหาที่โดนใจ..ตั้งแต่เริ่มอ่านคือเรื่อง"ความกลัว" ซึ่งอ้อนเคยพูดถึงบ่อยๆ..คุณจำได้หรือเปล่า(ล่ะ?)
ที่เคยพูดว่า.." ความกลัวทำให้คนไม่เรียนรู้ " หนังสือเล่มนี้ชวนคุยว่า.." เรากำลังกลัวอะไร?"
ความกลัว นั้นเป็น "ด้านมืดที่ลึกที่สุด" ของมนุษย์ เค้าว่ากันว่า มนุษยืถูกออกแบบให้กลัว เพียง 2 อย่างคือ กลัวความสูง และกลัวเสียงดัง 

........ เช่นนี้เองที่ อ.วิธาน บอกว่า..เราเกิดความกลัวเทียมๆ กันเยอะมาก..มากจนเกินจำเป็น ความกลัวเหล่านี้ แปลงมาเป็นความโกรธ...ความวิตกกังวลและอื่นๆ..

......... ดังนั้น..ง่ายที่สุด..เมื่อเราเกิดอารมณ์ลบๆ..หยุดแล้วถามตัวเองว่า " เรากำลังกลัวอะไร"..
เราคงไม่หลอกตัวเอง..แน่ๆ..ช่วงเวลาที่เราได้ถามตัวเอง..ได้คุยกับต้วเอง (ถ้าทำไม่เป็นย้อนอ่านบล็อกนี้เรื่องงการให้คำปรึกษาตัวเอง นะคะ ^^ )..ต่อๆๆๆ...เป็นช่วงเวลาที่เราได้ทบทวน..สะท้อนคิดและใจเราจะเย็นลง...อย่างประหลาด...มีสมาธิที่ได้มาโดยง่าย...

เริ่มเลยมั๊ยคะ....เป็นกำลังใจให้นะ..(.อ้อนอาจตกงานถ้าไม่มีใครปรึกษา..แต่ยอมๆๆ..เพื่อให้คุณแก้ปัญหาตัวเองได้อย่างรวดเร็ว...)

ไว้เจอกันใหม่...เมื่อเวลาและโอกาสมาถึง....รักทุกคนเหมือนเช่นเคย


15/4/55   .............

วันศุกร์ที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2555

รู้กฏหมายไว้..ทำงานสบายใจ...

สวัสดีค่ะ..กลับเข้ามาใน slow life ทุกครั้งที่..ชีวิตเริ่มถูกบีบบังคับด้วย..การรีบเร่ง...

วันนี้มีเรื่องเกี่ยวกับข้อกฎหมายที่..คนทำงานด้านเอดส์ควรทราบมาฝาก

อ้อนคิดว่า..หากเราชัดเจนในสิ่งที่เราทำ โดยเฉพาะเรื่องการทำงาน..คุณก็ไม่ต้องกลัวเรื่องการร้องเรียน

พวกเราทุกคนอยู่ภายใต้กฏหมายรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พศ. 2550...ทั้งผู้ให้และผู้รับบริการ

......เริ่มที่พื้นฐานก่อนนะคะ..สิ่งที่คนสาธารณสุข ต้องรู้.. 

หมวด 3 สิทธิเสรีภาพ ของชนชาวไทย

มาตรา 26 การใช้อำนาจโดยองค์กรของรัฐทุกองค์กร ต้องคำนึงถึงศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ สิทธิเสรีภาพ ตามบทบัญญัติแห่งรัฐธนรรมนูญนี้

มาตรา 28 บุคคลย่อมอ้างศักดิ์ศรี ความเป็นมนุษย์หรือใช้สิทธิและเสรีภาพของตนได้เท่าที่ไม่ละเมิดสิทธิหรือเสรีภาพของผู้อื่น ไม่เป็นปฏิปักษ์ต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่ชัดต่อศีลธรรมอันดีของประชาชน

มาตรา 30 บุคคลย่อมเสมอกันในกฎหมายและได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายเท่าเทียมกัน

มาตรา 51 บุคคลย่อมมีสิทธิเสมอกันในการบริการทางสาธารณสุขที่เหมาะสมและได้มาตรฐาน .....
บุคคลย่อมมีสิทธิได้รับการป้องกันและขจัดโรคติดต่ออันตรายจากรัฐอย่างเหมาะสม โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายและทันต่อเหตุการณ์ 

......มีหลายมาตรา ค่ะที่น่าสนใจ ซึ่งไม่ได้กล่าว..(ควรหาอ่านเพิ่มเติมนะคะ)..แต่ประเด็นที่จะกล่าวถึงนี้คือเรื่องผลเลือดความลับ..โดยเฉพาะเรื่องการติดเชื้อHIV

คนทำงานด้านนี้หลายท่านกังวลมากในเรื่องการจัดการเกี่ยวกับผลเลือด โดยเฉพาะ ผลเลือด HIV+
ซึ่งเชื่อมโยงไปถึงผู้ที่จะรับทราบผลเลือดเป็นใครได้บ้าง..และสิ่งที่ดำเนินการให้บริการอยู่ผิดพลาดหรือขัดต่อกฎหมายหรือไม่..ดังนั้นสิ่งที่เราต้องศึกษาไว้..เน้นไปที่


การเปิดเผยความลับของผู้ป่วย/ไม่รักษาความลับ

มีข้อบังคับแพทย์สภาว่าด้วยการรักษาจริยธรรมแห่งวิชาชีพเวชกรรม พ.ศ. 2536 หมวด 3 ข้อ 9 “ผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมต้องไม่เปิดเผยความลับของผู้ป่วยซึ่งตนทราบมา เนื่องจากการประกอบวิชาชีพ เว้นแต่ด้วยความยินยอมของผู้ป่วยหรือเมื่อต้องปฏิบัติตามกฎหมายหรือหน้าที่” และประมวลกฎหมายอาญา

มาตรา 323 “ ผู้ใดล่วงรู้หรือได้มาซึ่งความลับของผู้อื่นโดยเหตุที่เป็นเจ้าพนักงาน ผู้มีหน้าที่ โดยเหตุที่ประกอบอาชีพเป็นแพทย์ เภสัชกร คนจำหน่ายยา นางผดุงครรภ์ นางพยาบาล นักบวช หมอความ ทนายความ หรือผู้สอบบัญชีหรือโดยเหตุที่เป็นผู้ช่วยในการประกอบอาชีพนั้น แล้วเปิดเผยความลับนั้นในประการ ที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 1,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

..ถ้าตีความ..จะเห็นว่าแพทยสภา นั้นได้เน้นว่า.." เว้นแต่ด้วยความยินยอมของผู้ป่วย " การให้คำปรึกษาเพื่อตรวจเลือดจึงมีความหมาย..และรวมไปถึงการได้พูดคุยชี้แจง..สอบถามความสมัครใจการตรวจเลือด การแจ้งผลเลือด กับผู้ใดได้บ้าง (ซึ่งนั่นย่อมหมายถึงการยอมรับในข้อตกลงและเซ็นต์ชื่อไว้)

ซึ่งหากผู้ป่วยเกรงว่าตนจะถูกเปิดเผย ..ก็สามารถกล่าวอ้างมาตรา 323 ที่เขียนไว้ชัดเจนแล้วได้

ดังนั้นการให้การปรึกษาที่มีประสิทธิภาพจะสร้างความเข้าใจแก่ผู้ป่วย และลดความหวาดระแวงทั้งผู้ให้และผู้รับบริการ

ขอเพียง..เรามีความรู้..เราก็อยู่ด้วยกันได้...มาเรียนรู้ด้วยกันต่อไปนะคะ..

ลาไปก่อน...จนกว่าจะพบกัน..~


drAonarin  6/4/12 

วันจันทร์ที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2555

ความสุข..

ในระยะนี้..จู่ๆ ...อ้อนก็รู้สึก..ใจสงบ..ขึ้นมาอย่างประหลาด..เปล่าหรอก..อ้อนไม่ได้ไปนั่งสมาธิ ไม่ได้ทำอะไรที่เป็นรูปธรรมแบบนั้น...มันคิดได้เองว่า... " ทำไมเราต้องวิ่งตาม " ลองหยุดสักหน่อยดีไหม...
มองให้ชัดเจนก่อนดีกว่า..แล้วค่อยตัดสินใจ...

อ้อนยังคงอยู่กับหนังสือ องศาที่ 361......

ช่วงหนึ่งของหนังสือ กล่าวว่า
 "เราวิ่ง เราต่อสู้เพื่ออะไร หากการได้มาซึ่งความฝันที่ไขว่คว้า ต้องละทิ้งความสุขแท้จริง"

ความสุขแท้จริง ที่ไม่ได้มีราคาสำหรับแลกเปลี่ยน..เป็นความสุขที่เกิดขึ้นได้ในใจ...

ชีวิตไม่ได้มีแค่ การไปถึงหรือไม่ถึงเส้นชัย
ชีวิตไม่ได้มีแค่ การเป็นผู้แพ้หรือผู้ชนะ

ความสุขของชีวิตไม่ใช่มีแค่เสียงปรบมือ คำเยินยอ หรือชื่อเสียง

เราหลงลืมความสุขง่ายๆ ความสุขเล็กๆน้อยๆ ความสุขที่สงบอย่างแท้จริงโดยไม่ต้องแข่งกับใคร

ความสุขที่เกิดจากการให้ มิใช่แค่รับมาอย่างเดียว..

ความสุขที่เกิดขึ้นได้จากการแวะชมธรรมชาติและชีวิต อันนำมาซึ่งความสงบสุขของจิตใจภายใน

ลาไปก่อนนะค๊า...จนกว่าจะพบกัน ^^

                 Dr.Aonarin 19/3/55

วันอาทิตย์ที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2555

เพิ่มกำลังใจ...ให้ตัวเองและผู้อื่น..

สวัสดีค่ะ..นานมากที่ไม่ได้อัพเดตงานเขียน..แต่ก็ยังเลือกของเดิมๆออกมาแชร์อยู่บ่อยๆ
วันนี้เลือกมาที่ สโลว์ไลฟ์ ..เพราะมันไม่วิชาการมากจน..ทั้งคุณและตัวอ้อนเอง..แอบเบื่อ!!! (ใครบอก.รู้ก็และกัน!)...วันนี้จัหนังสือ..ไว้ในมือเล่มนึง...ชื่อเรื่อง องศาที่ 361 จากผู้เขียนที่ใช้นามปากกาว่า " ผมอยู่ข้างหลังคุณ "(เหมือนจะคุ้นๆไหม..หรือว่าเคยอ่าน...อ่ะนะ..เล่าให้คนอื่นเค้าฟังบ้างไรบ้าง..เห๊อะ)

เข้าเรื่องดีกว่า..เค้าบอกว่า โลกภายในตัวเรา..สามารถเปลี่ยนแปลงได้ ตั้งแต่เล็กจนโต..ใช่ว่าคนที่ถูกเลี้ยงดูมาแบบไม่มีความสุขตั้งแต่เด็ก..แล้วจะต้องมีโลกที่ทุกข์ระทมตลอดไป..ใช่ว่า..แกนโลกกำหนดให้ชีวิตเราหมุนซ้าย..แล้วเราต้องหมุนซ้าย..ชั่วชีวิต..

นั่นสิเนอะ..อย่าไปยึดติดหรือฝังใจว่า..อะไรเปลี่ยนแปลงไม่ได้..อ้อนไม่เชื่อ..และไม่เคยเชื่อเลย..

เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นแม้เพียงหนึ่งเปอร์เซ็นต์ จงอย่าตำหนิที่การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นน้อยนิด อย่าตำหนิและมองในส่วนที่ยังไม่ได้ทำ แต่ จงให้ หนึ่งเปอร์เซ็นต์นั้น เป็นพลังในทางบวก ที่คอยผลักดันให้เราเดินไปข้างหน้า...ลองดูตัวอย่างที่เค้าให้..เช่น

จากเดิม เคยหกล้ม สิบครั้ง วันนี้หกล้ม เก้า ครั้ง
สิ่งที่ควรทำคือ ชืนชม ที่หกล้มน้อยลง ไม่ใช่ตำหนิที่ยังหกล้มอยู่

คุณเห็นอะไร..หรือรู้สึกอะไรมั๊ย...พลังทางบวก..เป็นแรงผลักดันให้การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นสำเร็จ และเป็นสิ่งสำคัญที่คนมักมองข้าม..ถ้าเราสามารถดึงพลังทางบวกออกมาใช้ได้..แน่นอนว่าเราทุกคนสามารถเปลี่ยนแปลง..~

เราสามารถเปลี่ยนแปลงแกนโลกของตัวเอง เปลี่ยนชีวิตของตนเอง ได้...
คุณจะรู้จักว่าตัวเองมีคุณค่า..ก็ต่อเมื่อคุณสัมผัสได้ถึง ความรู้สึกมีคุณค่าในตนเอง

อย่าให้คุณค่าในตัวคุณถูกตัดสิน..จากคนอื่น

ลองเริ่มต้น หันกลับมาให้กำลังใจตัวเองบ้างยามหกล้ม ชื่นชมตัวเองบ้างยามเริ่มต้นทำอะไรดีๆ
ลองเริ่มต้นรักตัวเองให้มากขึ้นแล้วเราจะพบว่า ..เราทุกคนล้วนมีความงดงามอยู่ภายในตนเอง

........ลาไปก่อนค่ะ..จนกว่าจะพบกัน.....

                                                                                           Dr. Aonarin 19/3/55