....ในความเป็นจริงคนเราพบเจอปัญหาทุกวัน..และบางครั้งเราก็ต้องการคำปรึกษา การได้พูดคุยแบ่งปันประสบการณ์กับผู้อื่นอาจเป็นช่องทางที่ช่วยให้เราหาทิศทางแก้ปัญหาได้ดีขึ้น..
...บทความบางตอนของหนังสือ Learn to relax ที่เขียนโดย Mike George บอกไว้ว่า ..คุณอย่าคาดหวังว่านักให้คำปรึกษา(มืออาชีพ)
จะให้คำตอบอย่างเบ็ดเสร็จกับคุณ..เพราะจริงๆแล้วคำตอบมันอยู่ที่ตัวคุณ..คำแนะนำต่างๆจึงเป็นแค่แนวทางที่ช่วยให้คุณเรียนรู้และเข้าใจตนเอง เพื่อนำทางไปสู่การแก้ปัญหาที่ดีที่สุด..
...ตามประเด็นที่พูดมา..ถูกต้อง..ตรงมากค่ะ..(ยืนยันจากนักให้คำปรึกษาตัวจริง : ดิฉันเอง) โดยสรุปก็คือ ผู้ให้คำปรึกษาที่ดีที่สุดคือตัวคุณเอง ซึ่งว่ากันว่า..เป็นกลยุทธ์ที่ทำให้คุณเกิดความศรัทธาและยอมรรับตัวเอง มาดูวิธีการกันค่ะ
1. สิ่งที่ต้องคิดก่อน
1.1 สาเหตุที่คุณไม่สบายใจคืออะไร
1.2 คุณเครียดมั๊ย..มีอาการยังไง
1.3 เมื่อไม่นานมานี้มีเหตุการณ์/สถานการณ์ใดที่เป็นต้นเหตุที่ทำให้เครียด
2. แยกแยะให้ออกว่าอะไรคือสาเหตุลึกๆของความไม่สบายใจ แล้วหาทางแก้โดยเร็ว อาจใช้วิธีจินตนาการว่าแต่ละปัญหาแก้ไขได้อย่างรวดเร็ว เลือกปัญหาที่รู้สึกหนักใจที่สุดมาแก้ก่อน
3. ปรึกษากับตัวเองด้วยการหลับตาแล้วจินตนาการว่าจิตวิญญาณของคุณนั่งอยู่ตรงข้ามกับคุณ จิตวิญญาณจะถามอะไรคุณ และคุณลองหาคำตอบดู และคุณเชื่อคำแนะนำของจิตวิณญาณคุณหรือไม่ ถ้าเชื่อก็ลืมตาขึ้น..พิจารณาอีกครั้งว่านี่คือคำตอบที่ดีที่สุดสำหรับคุณหรือไม่
......ลองดูนะคะ..ถ้าคุณไม่สบายใจ..สิ่งแรกที่ช่วยได้คือตัวคุณเอง..แต่ถ้าไม่ไหวจะเคลียร์จริงๆ..ยังไงซะผู้ให้คำปรึกษาก็ยินดีที่จะเป็นเพื่อนฟังเรื่องราวของคุณ..
สนุกกับชีวิต..อย่างมีสตินะคะ..บ๊ายบาย ^^
วันพฤหัสบดีที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2554
วันจันทร์ที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2554
ทำสมาธิกับดอกไม้..
..ธรรมชาติให้สิ่งที่สมดุลกับชีวิตเราค่ะ..ช่วงเวลาที่คุณรู้สึกไม่สบายใจ..เครียด..กังวล..การมองไปที่สิ่งที่เป็นธรรมชาติ..เช่นต้นไม้..ดอกไม้..ช่วยให้คุณสงบลงได้..
..การทำสมาธิด้วยการจดจ่ออยู่กับธรรมชาติ จะข่วยให้เราเรียนรู้สิ่งที่เป็นตัวตนภายใน หรือจิตวิญญาณของตัวเราเองได้ดีขึ้น...เพราะความแท้จริงของธรรมชาติจะเผยความดีงามของจิตใจคนได้
...เรามาลองทำสมาธิกับดอกไม้กันดีกว่า..เริ่มกันเลย
1. ใช้ภาพที่เลือกมานี้../ภาพดอกไม้ของคุณ..หรือของจริงได้ยิ่งดี ในการทำสมาธิค่ะ..ลองจินตนาการดูว่าถ้าดอกไม้ดอกนี้คือคุณมันจะเป็นอย่างไร..สวยกว่านี้ แย่กว่านี้..หรือควรปรับเปลี่ยน..ให้เป็นไปในแบบไหนเพื่อให้เข้ากับตัวคุณ
2. เมื่อคุณได้ภาพดอกไม้ในจินตนาการแล้ว..ให้จดจ่อที่ดอกไม้นี้อย่างเดียว อย่าให้กระแสความคิดอื่นใดเข้ามาในช่วงนี้
3. ให้จับกระแสความรู้สึกว่า..สิ่งที่รับรู้ขณะนี้เป็นอย่างไร สะท้อนตัวตนเราอย่างไร
4. หากดอกไม้ที่เราเลือกเป็นดอกไม้ที่ไม่สมบูรณ์แบบนัก..มีบางกลีบที่เหี่ยวแห้ง ก็ให้พิจารณาว่าสิ่งนี้บอกอะไรคุณ..และถ้าคุณสามารถทำให้ดอกไม้นี้สมบูรณ์ได้..ควรจะเป็นอย่างไร (จินตนาการทางบวกนะคะ..ไม่ใช่ว่า..เห็นว่าไม่สวย..ก็เลยเด็ดทิ้ง..แบบนี้เป็นทางลบ..ไม่ดีค่ะ ^^)
5. สื่อสารกับสิ่งที่เป็นธรมชาติในลักษณะนี้ จนรู้สึกว่าความงดงามภายนอกเป็นกระจกสะท้อนความดีงามของตัวคุณโดยตรง..
ในที่สุด..คุณก็สร้างสมาธิจากดอกไม้ หรือธรรมชาติอื่นๆได้..ดีใจด้วยนะคะ..
ลาไปก่อนค่ะ..จนกว่าจะพบกันอีก.. 18/04/2011
..การทำสมาธิด้วยการจดจ่ออยู่กับธรรมชาติ จะข่วยให้เราเรียนรู้สิ่งที่เป็นตัวตนภายใน หรือจิตวิญญาณของตัวเราเองได้ดีขึ้น...เพราะความแท้จริงของธรรมชาติจะเผยความดีงามของจิตใจคนได้
...เรามาลองทำสมาธิกับดอกไม้กันดีกว่า..เริ่มกันเลย
1. ใช้ภาพที่เลือกมานี้../ภาพดอกไม้ของคุณ..หรือของจริงได้ยิ่งดี ในการทำสมาธิค่ะ..ลองจินตนาการดูว่าถ้าดอกไม้ดอกนี้คือคุณมันจะเป็นอย่างไร..สวยกว่านี้ แย่กว่านี้..หรือควรปรับเปลี่ยน..ให้เป็นไปในแบบไหนเพื่อให้เข้ากับตัวคุณ
2. เมื่อคุณได้ภาพดอกไม้ในจินตนาการแล้ว..ให้จดจ่อที่ดอกไม้นี้อย่างเดียว อย่าให้กระแสความคิดอื่นใดเข้ามาในช่วงนี้
3. ให้จับกระแสความรู้สึกว่า..สิ่งที่รับรู้ขณะนี้เป็นอย่างไร สะท้อนตัวตนเราอย่างไร
4. หากดอกไม้ที่เราเลือกเป็นดอกไม้ที่ไม่สมบูรณ์แบบนัก..มีบางกลีบที่เหี่ยวแห้ง ก็ให้พิจารณาว่าสิ่งนี้บอกอะไรคุณ..และถ้าคุณสามารถทำให้ดอกไม้นี้สมบูรณ์ได้..ควรจะเป็นอย่างไร (จินตนาการทางบวกนะคะ..ไม่ใช่ว่า..เห็นว่าไม่สวย..ก็เลยเด็ดทิ้ง..แบบนี้เป็นทางลบ..ไม่ดีค่ะ ^^)
5. สื่อสารกับสิ่งที่เป็นธรมชาติในลักษณะนี้ จนรู้สึกว่าความงดงามภายนอกเป็นกระจกสะท้อนความดีงามของตัวคุณโดยตรง..
ในที่สุด..คุณก็สร้างสมาธิจากดอกไม้ หรือธรรมชาติอื่นๆได้..ดีใจด้วยนะคะ..
ลาไปก่อนค่ะ..จนกว่าจะพบกันอีก.. 18/04/2011
วันอาทิตย์ที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2554
Slow Aging : ชะลอวัยด้วยการเข้าใจความเครียด!
ความเครียดเป็นเรื่องธรรมชาติ
คนเราทุกคนต้องเผชิญกับความเครียด..มากบ้างน้อยบ้างต่างกันไป...เมื่อร่างกายส่งสัญญาณความเครียด..นั่นหมายถึงร่างกายต้องการการจัดการกับปัญหาเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง และสิ่งแรกที่คุณต้องทำในการเอาชนะความเครียดคือ การยอมรับว่าความเครียดเป็นผลจากวิถีการดำเนินชีวิตและความคิดของเราเอง มันไม่ได้เป็นตัวบอกว่าคุณล้มเหลว..หรือพังพินาศ เพียงแค่คุณไม่คาดหวังจนเกินพอดีคุณก็จะผ่านมันไปได้
รู้จักอาการของความเครียด
1. เหงา โดดเดี่ยว
2.ขาดความมั่นใจ
3.ไม่มีสมาธิ
4.ไม่รับโทรศัพท์
5.อ่อนล้าแต่นอนไม่หลับ
6.ร้องไห้และอารมณ์แปรปรวน
7.ความอดทนต่ำ
8.สมาธิสั้น
9.บ้างาน
10.ควบคุมตนเองไม่ได้
11.เบื่ออาหาร
12.กลัวความเงียบ
13.กังวลในรูปร่างหน้าตา
คุณมีอาการที่กล่าวมานี้หรือไม่..ถ้ามีควรรีบหาที่ปรึกษา เพื่อป้องกันความเครียดเรื้อรัง
เมื่อรู้เท่าทันอารมณ์ของคุณ..คุณจะมีเวลาเครียดเพียงเล็กน้อยและเปลี่ยนแปลงความเครียดนั้นเป็นแรงผลักดันให้เราก้าวไปข้างหน้า....นอกจากรู้ทันอารมณ์แล้วต้องรู้จักปลดปล่อยอารมณ์ไม่ดีๆทั้งหลายให้ออกไปจากตัวเราด้วย เช่นอารมณ์โกรธ อารมณ์เศร้า และอารมณ์ริษยา
อารมณ์โกรธ วิธีจัดการ หาวัตถุเป็นก้อนแข็งพอประมาณฝ่ามือ..ให้บีบและคลายเป็นระยะจนกว่าจะหายโกรธ..(ดิฉันใช้ลูกบอลคลายเครียดค่ะ..หาซื้อได้ทั่วไป สามารถบีบ-คลายได้และใช้ได้นาน)
อารมณ์เศร้า วิธีจัดการอารมณ์เศร้าคือ ออกไปเดินเล่นค่ะ..(คุณฟังไม่ผิดหรอก) ลองออกจากจุดนั้น..เดินชมบรรยากาศรอบๆตัว สูดลมหายใจลึกๆ จะช่วยให้ดีขึ้น
อารมณ์ริษยา วิธีจัดการ ก่อนอื่นเข้าใจก่อนค่ะว่าอารมณ์ริษยานั้นมาจากความกลัวเช่นกลัวการสูญเสีย
สัญชาติญาณจะเกิดการต่อสู้เพื่อมิให้สูญเสียสิ่งที่เราคาดหวัง วิธีที่จะแก้ไขคือเอามืออีกข้างหนึ่งลูบบนหลังมืออีกข้างหนึ่งเบาๆ คล้ายๆเป็นการปลอบขวัญ จะช่วยให้อารมณ์ ณ ขณะนั้นลดลงได้ค่ะ
หลังว่าคงใช้ประโยชน์ได้บ้างนะคะ สวัสดีค่ะ^^
คนเราทุกคนต้องเผชิญกับความเครียด..มากบ้างน้อยบ้างต่างกันไป...เมื่อร่างกายส่งสัญญาณความเครียด..นั่นหมายถึงร่างกายต้องการการจัดการกับปัญหาเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง และสิ่งแรกที่คุณต้องทำในการเอาชนะความเครียดคือ การยอมรับว่าความเครียดเป็นผลจากวิถีการดำเนินชีวิตและความคิดของเราเอง มันไม่ได้เป็นตัวบอกว่าคุณล้มเหลว..หรือพังพินาศ เพียงแค่คุณไม่คาดหวังจนเกินพอดีคุณก็จะผ่านมันไปได้
รู้จักอาการของความเครียด
1. เหงา โดดเดี่ยว
2.ขาดความมั่นใจ
3.ไม่มีสมาธิ
4.ไม่รับโทรศัพท์
5.อ่อนล้าแต่นอนไม่หลับ
6.ร้องไห้และอารมณ์แปรปรวน
7.ความอดทนต่ำ
8.สมาธิสั้น
9.บ้างาน
10.ควบคุมตนเองไม่ได้
11.เบื่ออาหาร
12.กลัวความเงียบ
13.กังวลในรูปร่างหน้าตา
คุณมีอาการที่กล่าวมานี้หรือไม่..ถ้ามีควรรีบหาที่ปรึกษา เพื่อป้องกันความเครียดเรื้อรัง
เมื่อรู้เท่าทันอารมณ์ของคุณ..คุณจะมีเวลาเครียดเพียงเล็กน้อยและเปลี่ยนแปลงความเครียดนั้นเป็นแรงผลักดันให้เราก้าวไปข้างหน้า....นอกจากรู้ทันอารมณ์แล้วต้องรู้จักปลดปล่อยอารมณ์ไม่ดีๆทั้งหลายให้ออกไปจากตัวเราด้วย เช่นอารมณ์โกรธ อารมณ์เศร้า และอารมณ์ริษยา
อารมณ์โกรธ วิธีจัดการ หาวัตถุเป็นก้อนแข็งพอประมาณฝ่ามือ..ให้บีบและคลายเป็นระยะจนกว่าจะหายโกรธ..(ดิฉันใช้ลูกบอลคลายเครียดค่ะ..หาซื้อได้ทั่วไป สามารถบีบ-คลายได้และใช้ได้นาน)
อารมณ์เศร้า วิธีจัดการอารมณ์เศร้าคือ ออกไปเดินเล่นค่ะ..(คุณฟังไม่ผิดหรอก) ลองออกจากจุดนั้น..เดินชมบรรยากาศรอบๆตัว สูดลมหายใจลึกๆ จะช่วยให้ดีขึ้น
อารมณ์ริษยา วิธีจัดการ ก่อนอื่นเข้าใจก่อนค่ะว่าอารมณ์ริษยานั้นมาจากความกลัวเช่นกลัวการสูญเสีย
สัญชาติญาณจะเกิดการต่อสู้เพื่อมิให้สูญเสียสิ่งที่เราคาดหวัง วิธีที่จะแก้ไขคือเอามืออีกข้างหนึ่งลูบบนหลังมืออีกข้างหนึ่งเบาๆ คล้ายๆเป็นการปลอบขวัญ จะช่วยให้อารมณ์ ณ ขณะนั้นลดลงได้ค่ะ
หลังว่าคงใช้ประโยชน์ได้บ้างนะคะ สวัสดีค่ะ^^
สมัครสมาชิก:
ความคิดเห็น (Atom)

